วันพุธที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

“เมียนมาร์” เที่ยวก่อน…ผ่อนทีหลัง(2) “อรุณรุ่ง”ศิลาศรัทธา.. มุ่งหน้าสู่ “หงสาวดี”

..ตี 4กว่าๆ จำใจลาจากผ้าห่มอุ่นหนาที่ทบกันสองผืน ท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บลมแรงๆ หมอกจางๆ ฟ้ายังไม่ทันสาง ก็ฝ่าความมืดบุกขึ้นยอดเขาด้วยเท้าเปล่า เพื่อทำบุญสักการะพระธาตุอินทร์แขวนแต่เช้าตรู่..


 เนื่องจากพวกเรามีนัดกับคนขับรถไว้ 9  โมงเช้า แล้วพวกเราต้องนั่งรถขนหมู ใช้เวลาอีกราวๆ 45 นาที จึงต้องเผื่อเวลาทำบุญ ชมวิวไว้แต่เช้า



     

         รัตติกาลยังปกคลุมผืนฟ้าดวงจันทร์ยังเด่นกระจ่าง รอคอยแสงแรกของวันใหม่ พลันเมื่อฟ้าเปลี่ยนสี ทะลหมอกค่อยโผล่พ้น ลอยละอองปุยนุ่นโอบกอดทิวเขา เป็นภาพงดงาม




ชื่นชมความงามของหมอกยามเช้าบนยอดภูจนจุใจ พวกเราก็ลงมาเก็บของที่โรงแรม กินอาหารเช้าที่โรงแรม ซึ่งมี”ออมเล็ต” ไข่เจียวแบบว่าไม่ปรุงรสเลยแล้วก็ไม่มีซอสมะเขือเทศด้วย กินแกล้มขนมปัง 2 แผ่น แล้วก็มีกล้วยหอมเหี่ยวๆ ดำๆ วางให้บนโต๊ะ แต่ดูไม่มีใครแตะต้องกล้วยเหี่ยว เอ้ย กล้วยหอมเหล่านั้นเลย





แล้วเพื่อรอขึ้นรถขนหมูเดินทางกลับไปที่ย่างกรุง และแวะเที่ยวในเมืองหงสาวดี ระหว่างทางจะมีเด็กๆนำของมาขายผู้โดยสารเป็นระยะๆ พร้อมกับด่านบุญที่จะมีคนคอยถือขันใบเขื่องมายื่นขอรับบริจาคอยู่ตามรายทาง






เป้าหมายแรกของเราคือร้านอาหาร Shwe Li Restaurant อร่อยหรือไม่..ไม่รู้ แต่หนังสือนำเที่ยวพม่าแนะนำมา ก็ถือว่ารสชาดโอเค เป็นอาหารจีนสไตล์เมียนมาร์ แบบว่าหิวจนลืมถ่ายรูป55++


     อิ่มท้องแล้วแวะชม “พระไฝเลื่อน” ที่วัดไจ๊ป๋อรอ อายุกว่า 2 พันปี ตำนานเล่าว่า ไฝที่อยู่ขมับด้านขวามือขององค์พระนั้น ไม่ว่าจะปิดทองเท่าไหร่ ไฝนั้นจะไม่ถูกทับหาย?!!

พระไฝเลื่อน..สังเกตที่ขมับขวาจ๊ะ
     
 
       เมือมาเยือนหงสาวดี ต้องแวะ พระมหาธาตุเจดีย์ชเวมอดอว์ หรือ พระธาตุมุเตา  เป็นเจดีย์โบราณ ซึ่งสูงที่สุดในพม่า สร้างสมัยเดียวกับเจดีย์ชเวดากอง ภายในเจดีย์บรรจุพระเขี้ยวแก้ว ในอดีตเคยเกิดแผ่นดินไหวทำให้ยอดเจดีย์หักลงมา และยังคงเป็นรักษายอดเจดีย์ไว้อย่างเดียว จนกลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญของวัดแห่งนี้







ต่อจากนั้น เข้านมัสการพระพุทธไสยาสน์ชเวตาเลียว  เป็นพระนอนที่งดงามที่สุดของพม่า ตาหวาน คิ้วโก่ง ปากชมพู ผิวขาวเนียน..



แล้วปิดทริปวันนี้ด้วย เจดีย์ไจ๊ปุ่น มีพระพุทธรูปปางประทับนั่งโดยรอบ 4 ทิศ สูง 30 เมตร



แถมที่พักราคา 1,400 บาท มี wifi ฟรี เย้ๆ แต่ถ้าเป็นโรงแรมแรก 3,000 บาท มันคิด wifi นาทีละบาท มหาโหดมากก
            ช่วงเวลาที่เรารอคอยก็มาถึง..”.เบียร์พม่า” 800 จ๊าด เท่ากับ 25 บาท 

ค่ำคืนนี้ จึงได้ชิวๆ กับฟองนุ่มๆ จนหน่ำใจ อิอิ ..ฟินฝุดๆ ก่อนหลับสบายใต้ผ้าห่มนุ่มหนา..แล้วค่อยไปแสวงบุญกันต่อ อิอิ...


           

วันอังคารที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

“เมียนมาร์” เที่ยวก่อน…ผ่อนทีหลัง (1) ขอพร..ก้อนหินศักดิ์สิทธิ์


            หลังจากเคยร่วมผจญทริปกับกลุ่มเพื่อนสาวเมื่อปลายเดือนมีนาคม 2556 เขาคิชกูฏ” จ.จันทบุรี  คราวนั้น ได้ซื้อโปสเตอร์หนึ่งใบมาเก็บไว้เป็นที่ระลึก เป็นรูปก้อนหินศักดิ์สิทธิ์แห่งยอดเขาคิชกูฏ เคียงคู่กับ พระธาตุอินทร์แขวน ประเทศพม่า





             ในใจก็คิดเหม่อลอยว่าอยากจะไปที่นี่จัง แต่ดูงบประมาณ..เศษสตางค์ในกระเป๋าแล้วได้แต่ถอนใจ แค่พม่ายังไม่มีโอกาสได้ไปหรอก..พวกมนุษย์เงินเดือนชั้นต่ำ (ฮ่าๆ)
            เพื่อนสาวรบเร้าบ่อยครั้ง อยากไปเที่ยวโน้นนี่กัน “ทริปพม่า” ก็ลอยมาอยู่เนืองๆ พอเสนองบประมาณมาว่าราว 2 หมื่นบาท ก็ต่อรองไปว่า งบขนาดนั้น ตรูมีปัญญาหรอก มีแค่ 5 พันเที่ยวไทย (เอาเข้าจริงก็เกินงบฯ..ค่าเบียร์งอก ..ตลอด555++)งึมๆ 2 หมื่น...นี่มันชีวิตตรูทั้งเดือนเลยน่ะ!!



            พยายามของเพื่อนยังไม่ลดละมาเสนอโปรโมรชั่นใหม่ล่าสุด 1.2หมื่นบาท...เริ่มลังเลแต่ยังไม่สามารถ..จึงเสนอขอผ่อน 0 %  4 เดือน แต่ถ้าเกินจากนี้จะขยับเป็น 6 เดือนนะ(อิอิ) เจ้าหนี้กลัว “ลูกหนี้” เล่นตัว เลยรีบมาขอรูปไปทำวีซ่า จองตั๋วเครื่องบินราคาถูก จองโรงแรม ไลน์โปรแกรมทัวร์มาให้พร้อมสรรพ 55++
            แล้วทริปพม่า 4 คืน 5 วัน กับพวกเราสามสี่คนก็เริ่มต้นขึ้น...ณ บัดนาวววว



เวลา 10.00น. วันที่ 20 พฤศจิกายน 2556 เรานัดเจอกันสนามบินดอนเมือง ตื่นเต้นจัดมาก่อนเวลานัดครึ่งชั่วโมง(นอนตี 2 ตื่นตี4) เจอที่ชั่งกระเป๋าพอดี ป้าดๆๆ 9 กิโลกว่า ต้องลดน้ำหนักด่วนให้เหลือ 7 กิโล เพราะถ้าเกิน 7 กิโลต้องโหลดกระเป๋า 




พวกเราจะไม่ยอมเสียเงินค่าโหลดกระเป๋าใบละ 500 บาทเด็ดขาด ว่าแล้วก็ดึงกระเป๋าโน๊ตบุ๊กออกมาให้เพื่อนเฉลี่ยน้ำหนัก เอาเสื้อกันหนาวตัวเขื่องมาสวมทับเหมือนกำลังเข้าคอร์สละลายไขมัน 555++ และแล้วก็เหลือ 6 โลแก่ๆ เย้ๆๆ Let’go…แต่ดันหิวข้าว จำใจกินข้าวหมูแดงจานละ 200 บาทโหดสัส แทบจะกลืนจานชามช้อนเข้าไปให้คุ้ม(ฮา)



            โชคดีได้ที่นั่งริมหน้าต่างชมวิว..แต่แป๊บเดียวก็เผลอหลับตื่นมาอ้าวจะถึงแล้วเหรอ...แค่ชั่วโมงนิดๆ พวกเราก็มาถึงสนามบินย่างกุ้ง เม็งกาลาดง ราวๆ เที่ยงครึ่ง ทั้งนี้เวลาที่พม่าช้ากว่าเมืองไทยครึ่งชั่วโมง
            ทำโน่นนี่ผ่านด่านเจอไกด์พม่าที่เพื่อนสาวติดต่อพูดคุยกันแรมเดือนผ่านอีเมลซึ่งเขาได้จองรถ หาโรงแรม ไว้ให้พวกเราแล้ว แล้วก็บอกว่าให้พวกเราไปกับ คุณ " Thet Lwin" หนุ่มใหญ่ใจดี เขาจะเป็นคนขับรถ และไกด์ทัวร์ให้พวกเราตลอดทริป



            พอนั่งรถปุ๊บก็ปรับสมองนิดหน่อย ที่นี่เขาพูดแต่ภาษาอังกฤษ แบบว่า ภาษาอังกฤษงูปลาๆแบบชั้นก็เงิบๆ แต่ก็ยังพอฟังรู้เรื่องแค่ชั้นพูดไม่ได้เท่านั้นเอง อิอิ
ราว 2 ชั่วโมง เขาก็พาเรามุ่งหน้าสู่ “คิมปูนแค้มป์” ด้วยอัตราความเร็ว 60-80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รถที่นี่ขับชิดขวา ส่วนรถมีทั้งพวงมาลัยมีทั้งซ้ายและขวา พวงมาลัยขวานี่เวลาจะแซงก็ลุ้นๆ แต่สักพักเริ่มชิน รถที่นี่เขาใช้สัญญาณแตรคุ้มจริงๆ จะแซงก็บีบแตร คนจะข้ามถนนอีก 100 เมตรข้างหน้าก็บีบแตรเตือน  ถ้าเป็นบ้านเราจะแปรเสียงแตรรถเป็นเสียงก่นด่า.. “ด่า” เท่าที่จำเป็นเท่านั้น 55++


พอขึ้นรถปุ๊บก็หิวข้าวปั๊บ..โชว์เฟอร์ถามว่า จะกินอาหารพม่า หรือ อาหารจีน เถียงกันไปมาสรุปที่ อาหารพม่า แล้วก็พบกับน้ำมันเยิ้มๆ ข้าวเยอะๆ ริมถนนแห่งหนึ่งก่อนถึงเมืองหงสาววดี


พอท้องอิ่มแบบเลี่ยนๆ เราก็เดินทางกันต่อ ระหว่างทางได้เห็นสะพานข้ามแม่น้ำสะโตง  เคยเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ สมัยพระนเรศวรกำลังรวบรวมคนไทยกลับอโยธยา ถูกทหารพม่าไล่ตามมา “สุรกรรม “ มาเป็นกองหน้า พระมหาอุปราชเป็นกองหลวง ยกติดตามกองทัพไทยมา กองหน้าของพม่า ตามมาทันที่ริมฝั่งแม่น้ำ แต่ไทยข้ามแม่น้ำมาแล้ว พระนเรศวรคอยป้องกันไม่ให้ข้าศึกตามมา และใช้พระแสงปืนคาบชุดยาวเก้าคืบถูกสุรกรรมาเสียชีวิตบนคอช้าง ทัพพม่าขวัญเสียถอยทัพกลับกรุงหงสาวดี(bago)


แล้วพวกเราก็มาถึงเป้าหมาย แต่ต้องต่อรถขนหมูไปอีกราว 45 นาที เพื่อไปพักที่โรงแรมบนยอดเขา Mountian Top Hotel คืนละ 3,000 กว่าบาท พอเก็บกระเป๋าเข้าที่พัก 



แล้วพวกเรารีบตรงดิ่งไปนมัสการพระธาตุอินทร์แขวน 1 ใน 6 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ คู่เมืองพม่า พระธาตุประจำปีจอ ตั้งอยู่เมืองไจ้ก๋โถ๋ อ.สะเทิม เขตรัฐมอญ พม่า










       ต้องถอดรองเท้าไว้ตั้งแต่เข้าประตูกำแพงวัด แล้วเดินเท้าเปล่าเกือบ 1 โลไปสักการะพระธาตุ... พอเสร็จจากไหว้พระธาตุด้วยความหิวโฮก ตาลาย เลยแวะกินหน้าโรงแรม เข้านอนแบบว่า แทบไม่อยากอาบน้ำ อากาศหนาวเย็นเอาเรื่อง แต่ก็ยอมอาบแต่โดยดี เพราะทนกลิ่นพม่าๆ ติดตัวมาทั้งวันไม่ไหว 555




ก่อนหลับสบายแทบลืมตื่น แต่ภารกิจยังรออยู่ แต่เช้าตรู่....ราตรีสวัสดิ์.....^^"