วันอังคารที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

“เมียนมาร์” เที่ยวก่อน…ผ่อนทีหลัง (1) ขอพร..ก้อนหินศักดิ์สิทธิ์


            หลังจากเคยร่วมผจญทริปกับกลุ่มเพื่อนสาวเมื่อปลายเดือนมีนาคม 2556 เขาคิชกูฏ” จ.จันทบุรี  คราวนั้น ได้ซื้อโปสเตอร์หนึ่งใบมาเก็บไว้เป็นที่ระลึก เป็นรูปก้อนหินศักดิ์สิทธิ์แห่งยอดเขาคิชกูฏ เคียงคู่กับ พระธาตุอินทร์แขวน ประเทศพม่า





             ในใจก็คิดเหม่อลอยว่าอยากจะไปที่นี่จัง แต่ดูงบประมาณ..เศษสตางค์ในกระเป๋าแล้วได้แต่ถอนใจ แค่พม่ายังไม่มีโอกาสได้ไปหรอก..พวกมนุษย์เงินเดือนชั้นต่ำ (ฮ่าๆ)
            เพื่อนสาวรบเร้าบ่อยครั้ง อยากไปเที่ยวโน้นนี่กัน “ทริปพม่า” ก็ลอยมาอยู่เนืองๆ พอเสนองบประมาณมาว่าราว 2 หมื่นบาท ก็ต่อรองไปว่า งบขนาดนั้น ตรูมีปัญญาหรอก มีแค่ 5 พันเที่ยวไทย (เอาเข้าจริงก็เกินงบฯ..ค่าเบียร์งอก ..ตลอด555++)งึมๆ 2 หมื่น...นี่มันชีวิตตรูทั้งเดือนเลยน่ะ!!



            พยายามของเพื่อนยังไม่ลดละมาเสนอโปรโมรชั่นใหม่ล่าสุด 1.2หมื่นบาท...เริ่มลังเลแต่ยังไม่สามารถ..จึงเสนอขอผ่อน 0 %  4 เดือน แต่ถ้าเกินจากนี้จะขยับเป็น 6 เดือนนะ(อิอิ) เจ้าหนี้กลัว “ลูกหนี้” เล่นตัว เลยรีบมาขอรูปไปทำวีซ่า จองตั๋วเครื่องบินราคาถูก จองโรงแรม ไลน์โปรแกรมทัวร์มาให้พร้อมสรรพ 55++
            แล้วทริปพม่า 4 คืน 5 วัน กับพวกเราสามสี่คนก็เริ่มต้นขึ้น...ณ บัดนาวววว



เวลา 10.00น. วันที่ 20 พฤศจิกายน 2556 เรานัดเจอกันสนามบินดอนเมือง ตื่นเต้นจัดมาก่อนเวลานัดครึ่งชั่วโมง(นอนตี 2 ตื่นตี4) เจอที่ชั่งกระเป๋าพอดี ป้าดๆๆ 9 กิโลกว่า ต้องลดน้ำหนักด่วนให้เหลือ 7 กิโล เพราะถ้าเกิน 7 กิโลต้องโหลดกระเป๋า 




พวกเราจะไม่ยอมเสียเงินค่าโหลดกระเป๋าใบละ 500 บาทเด็ดขาด ว่าแล้วก็ดึงกระเป๋าโน๊ตบุ๊กออกมาให้เพื่อนเฉลี่ยน้ำหนัก เอาเสื้อกันหนาวตัวเขื่องมาสวมทับเหมือนกำลังเข้าคอร์สละลายไขมัน 555++ และแล้วก็เหลือ 6 โลแก่ๆ เย้ๆๆ Let’go…แต่ดันหิวข้าว จำใจกินข้าวหมูแดงจานละ 200 บาทโหดสัส แทบจะกลืนจานชามช้อนเข้าไปให้คุ้ม(ฮา)



            โชคดีได้ที่นั่งริมหน้าต่างชมวิว..แต่แป๊บเดียวก็เผลอหลับตื่นมาอ้าวจะถึงแล้วเหรอ...แค่ชั่วโมงนิดๆ พวกเราก็มาถึงสนามบินย่างกุ้ง เม็งกาลาดง ราวๆ เที่ยงครึ่ง ทั้งนี้เวลาที่พม่าช้ากว่าเมืองไทยครึ่งชั่วโมง
            ทำโน่นนี่ผ่านด่านเจอไกด์พม่าที่เพื่อนสาวติดต่อพูดคุยกันแรมเดือนผ่านอีเมลซึ่งเขาได้จองรถ หาโรงแรม ไว้ให้พวกเราแล้ว แล้วก็บอกว่าให้พวกเราไปกับ คุณ " Thet Lwin" หนุ่มใหญ่ใจดี เขาจะเป็นคนขับรถ และไกด์ทัวร์ให้พวกเราตลอดทริป



            พอนั่งรถปุ๊บก็ปรับสมองนิดหน่อย ที่นี่เขาพูดแต่ภาษาอังกฤษ แบบว่า ภาษาอังกฤษงูปลาๆแบบชั้นก็เงิบๆ แต่ก็ยังพอฟังรู้เรื่องแค่ชั้นพูดไม่ได้เท่านั้นเอง อิอิ
ราว 2 ชั่วโมง เขาก็พาเรามุ่งหน้าสู่ “คิมปูนแค้มป์” ด้วยอัตราความเร็ว 60-80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รถที่นี่ขับชิดขวา ส่วนรถมีทั้งพวงมาลัยมีทั้งซ้ายและขวา พวงมาลัยขวานี่เวลาจะแซงก็ลุ้นๆ แต่สักพักเริ่มชิน รถที่นี่เขาใช้สัญญาณแตรคุ้มจริงๆ จะแซงก็บีบแตร คนจะข้ามถนนอีก 100 เมตรข้างหน้าก็บีบแตรเตือน  ถ้าเป็นบ้านเราจะแปรเสียงแตรรถเป็นเสียงก่นด่า.. “ด่า” เท่าที่จำเป็นเท่านั้น 55++


พอขึ้นรถปุ๊บก็หิวข้าวปั๊บ..โชว์เฟอร์ถามว่า จะกินอาหารพม่า หรือ อาหารจีน เถียงกันไปมาสรุปที่ อาหารพม่า แล้วก็พบกับน้ำมันเยิ้มๆ ข้าวเยอะๆ ริมถนนแห่งหนึ่งก่อนถึงเมืองหงสาววดี


พอท้องอิ่มแบบเลี่ยนๆ เราก็เดินทางกันต่อ ระหว่างทางได้เห็นสะพานข้ามแม่น้ำสะโตง  เคยเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ สมัยพระนเรศวรกำลังรวบรวมคนไทยกลับอโยธยา ถูกทหารพม่าไล่ตามมา “สุรกรรม “ มาเป็นกองหน้า พระมหาอุปราชเป็นกองหลวง ยกติดตามกองทัพไทยมา กองหน้าของพม่า ตามมาทันที่ริมฝั่งแม่น้ำ แต่ไทยข้ามแม่น้ำมาแล้ว พระนเรศวรคอยป้องกันไม่ให้ข้าศึกตามมา และใช้พระแสงปืนคาบชุดยาวเก้าคืบถูกสุรกรรมาเสียชีวิตบนคอช้าง ทัพพม่าขวัญเสียถอยทัพกลับกรุงหงสาวดี(bago)


แล้วพวกเราก็มาถึงเป้าหมาย แต่ต้องต่อรถขนหมูไปอีกราว 45 นาที เพื่อไปพักที่โรงแรมบนยอดเขา Mountian Top Hotel คืนละ 3,000 กว่าบาท พอเก็บกระเป๋าเข้าที่พัก 



แล้วพวกเรารีบตรงดิ่งไปนมัสการพระธาตุอินทร์แขวน 1 ใน 6 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ คู่เมืองพม่า พระธาตุประจำปีจอ ตั้งอยู่เมืองไจ้ก๋โถ๋ อ.สะเทิม เขตรัฐมอญ พม่า










       ต้องถอดรองเท้าไว้ตั้งแต่เข้าประตูกำแพงวัด แล้วเดินเท้าเปล่าเกือบ 1 โลไปสักการะพระธาตุ... พอเสร็จจากไหว้พระธาตุด้วยความหิวโฮก ตาลาย เลยแวะกินหน้าโรงแรม เข้านอนแบบว่า แทบไม่อยากอาบน้ำ อากาศหนาวเย็นเอาเรื่อง แต่ก็ยอมอาบแต่โดยดี เพราะทนกลิ่นพม่าๆ ติดตัวมาทั้งวันไม่ไหว 555




ก่อนหลับสบายแทบลืมตื่น แต่ภารกิจยังรออยู่ แต่เช้าตรู่....ราตรีสวัสดิ์.....^^"


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น