คุณเคยนั่งรถไฟครั้งแรกเมื่อไหร่?
คงสักเมื่อ 10 กว่าปีก่อนมั้ง…ไม่ซิ แทบไม่ได้นั่ง(บนเก้าอี้-รถไฟชั้น 3)ด้วยซ้ำ ฉันยืนมาบนรถไฟสลับกับนั่งบนพื้นทางเดิน ซี่งมันมีพื้นที่ส่วนตัวแค่หนึ่งช่วงหน้าตัก ฉันไม่ได้จดจำหรอกว่ามันยาวนานกี่ชั่วโมง แต่มันเริ่มต้นจากสถานีรถไฟที่ตัวเมืองสุรินทร์ แล้วมาลงที่สถานีรถไฟหัวลำโพง กับภารกิจส่ง “พระเพื่อน”เข้าวัด
มันเป็นความทรงจำที่พร่าเลือนแต่แจ่มชัดในความรู้สึก
แม้จะอึดอัด เมื่อยขบแต่มันอบอุ่นไปด้วยผองเพื่อนหลายชีวิตที่ร่วมชะตากรรมเดียวกันในช่วงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์
จังหวะที่แรงงานจากอิสานไหล่บ่าเข้าสู่ขบวนรถไฟเพื่อกลับไปขายแรงงานในเมืองใหญ่
นั่นแหละ…ประสบการณ์เดินทางด้วยรถไฟครั้งแรกในชีวิต!!
หลังจากนั้น “รถไฟ” ก็กลายเป็นภาพฝันที่อยากจะได้ “นอน” บนรถไฟสักครั้ง นอนแบบว่า “ตีตั๋วนอน” จริงๆ นะ
…ผ่านไปหลายปี
ก็มีโอกาสได้นอนบนรถไฟ มันเป็นความรู้สึกที่ตื่นเต้น สมหวัง บรรลุความตั้งใจ
ฉันได้นอนบนรถไฟแล้ว!!
ด้วยภารกิจหน้าที่การงาน …จากสถานีหัวลำโพงสู่สถานีเชียงใหม่
นับเป็นครั้งที่ 2ของชีวิตกับรถไฟ
และครั้งที่ 3
ไม่น่าจดจำเท่าไหร่ เป็นรถไฟขบวนด่วนพิเศษสายใต้ จากหัวลำโพงสู่สถานีสุราษฎร์ธานี
เบาะปรับนอนไม่ต่างจากรถทัวร์แต่ดูกระด้างกว่ามาก มันไม่ “คลาสสิก” ไม่”หวานเย็น” ไม่ใช่”รสนิยม”55++ในภารกิจ”ส่งเพื่อนเข้าเรือนหอ”
วันเวลาผ่านไปเนิ่นนานมาก
จนหลงลืม “รถไฟ” ไปช่วงเวลาหนึ่ง พลันที่รัฐบาลประกาศให้
“นั่งรถไฟ(ชั้น3)ฟรี” ความอยากก็เข้าครอบงำอีกครั้ง คราวนี้ วางแผนเตรียมการเป็นอย่างดี ฉันจะไม่ยอมยืนบนรถไฟอีกเป็นอันขาด
!!
แล้วก็ร่วมวางแผนแรมเดือน
จับรถไฟฟรีไปกินลมชมวิวที่หัวหิน… มีข้อแนะนำว่า ต้องไปตี๋ตั๋วก่อนรถไฟฟรีออก
1 ชั่วโมง… ตามนั้น รถไฟออกราวๆ 9
โมงครี่ง ไปตีตั๋วราวๆ 8 โมง(แบบว่ากลัวตกขบวนรถไฟ)
เอาเข้าจริงๆ ต้องไปนั่งรอรถไฟออกอีกเกือบชั่วโมง ก็ “หวานเย็น” กันไป “ถึงก็ช่างไม่ถึงก็ช่าง” เบาะนั่งชั้น 3 ไม้แข็งๆ
มันทรมานสิ้นดี
…หลับแล้วตื่นขยับหลายร้อยรอบ ก็ยัง “ถึงก็ช่างไม่ถึงก็ช่าง” กว่าจะถึงสถานีหัวหินปาเข้าไปบ่ายสองโมงกว่าๆ
ขอปรบมือให้ตัวเองดังๆ ภารกิจ “นั่งรถไฟฟรีสำเร็จลุล่วง” แล้ว …ครั้งที่ 4 ของชีวิต
แต่ “รถไฟ”
มันก็มีเสน่ห์ที่ชวนหลงใหล แม้ว่าจะรู้สึกอีดอัดกับช่วงเวลาอ้อยอิ่งจากการเดินทาง พอเวลาผ่านไปความคิดฝันก็มาสะกิดๆ
ให้ตี๋ตั๋วรถไฟครั้งที่ 5
“หัวลำโพง-เชียงใหม่” ฝันถึงตั๋วนอนรถไฟ แต่ทว่าฝันสลายๆ
เพราะตั๋วนอนถูกจองเต็มไปหมดแล้ว (มัวแต่งมๆจองตั๋วรถไฟด้วยตนเอง
โดยผ่านบัตรเครดิต) จนสำเร็จ สามารถใช้สิทธิ์จองตั่วผ่านบัตรเครดิตได้
แต่ทว่าตั๋วนอนหมดแล้ว จำใจซื้อตั๋วนอนรถไฟแอร์ มันไม่เท่ห์เอาเสียเลย เมื่อยจนเข็ดอย่าได้เจอกันอีกเลย
รถไฟติดแอร์(เอิ๊กๆ) เพราะมันไม่มีตู้เสบียง!! “ดีกรี” เลยไม่ตกถึงท้องตลอด 12 ชั่วโมง
“รถไฟ” กับ “ความฝัน” ค่อยๆ
บรรเทาไปจนกระทั่งวันหนึ่ง เพื่อนมาชวนไปเที่ยวกาญจนบุรี สะพานข้ามแม่น้ำแคว
แล้วภาพฝัน “รถไฟ” ก็ผุดขึ้นมาอีกครั้ง
แต่คราวนี้ ทำได้เพียงแค่ไปลูบๆ
คลำๆ หัวจักรรถไฟที่จอดสงบนิ่ง..ที่สถานีรถไฟสายน้ำตกไทรโยคน้อย
แล้วความฝันมันก็ตามมาหลอกหลอน…แล้วฉันนั่งรถไฟมาเยือนที่นี่อีกครั้ง…คอยดูซิ!!!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น